การศัลยกรรมจมูกแบบเปิด หรือที่เรียกว่า “เสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open rhinoplasty)”
เป็นการเรียกตามลักษณะการเปิดแผล ศัลยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณใต้ฐานจมูก และเลาะแยกชั้นเหนือกระดูกอ่อนปลายจมูกกับกระดูกจมูก เพื่อแยกผิวหนังและชั้นใต้ผิวหนัง ออกจากโครงสร้างของจมูก
คนส่วนใหญ่ถูกทำให้เข้าใจว่าเป็นเทคนิคพิเศษหรือเทคนิคใหม่ ซึ่งความจริงเป็นวิธีที่มีมานานมากแล้วแต่กระแสการตลาดศัลยกรรมของต่างชาติหรือคลินิกหลายๆแห่งทำให้เพิ่งมีกระแสขึ้นมา
ข้อดีของการผ่าตัดแบบเปิด ศัลยแพทย์สามารถเห็นโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด และทำการปรับแต่งโครงสร้างเดิมที่มีปัญหาได้ง่าย เช่น การผ่าตัดเข้าเย็บแต่งปลายจมูก การผ่าตัดเอาผนังกั้นจมูกมาใช้ หรือ ยืดผนังกั้นจมูกด้วยเนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งควรจะผ่าตัดจมูกแบบเปิดเพื่อทำ และ การเสริมสันจมูกด้วยวัสดุต่างๆ,การตอกฐานจมูก,การลดฮัมพ์ (ซึ่ง 3 หัตถการหลังนี้ศัลยแพทย์ที่ชำนาญก็สามารถทำแบบปิดได้เช่นกัน)
ดังนั้น ผู้ที่เหมาะจะเสริมจมูกแบบโอเพ่น คือ คนไข้ผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างผิดปกติอย่างมาก หรือ ผู้ที่มีความจำเป็นต้องผ่าตัดตกแต่งกระดูกอ่อนปลายจมูก หรือ จำเป็นต้องยืดผนังกั้นจมูก (ด้วยกระดูกอ่อนผนังกั้น หรือ กระดูกอ่อนซี่โครง) เนื่องจากจมูกเดิมหดรั้งมากๆ หรือ มีวัสดุแปลกปลอมที่เอาออกได้ยากถ้าทำแบบปิด
ส่วนเรื่องการรองปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อต่างๆเพื่อให้ปลายปลอดภัยลดปัญหาบาง ใส ทะลุ สามารถทำได้ทั้งแบบปิดและแบบเปิด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางแต่การผ่าตัดแบบเปิด ต้องมีการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางถึงความเหมาะสม เพราะผลแทรกซ้อนและข้อเสียที่ปกติจะไม่ได้กล่าวถึง คือ การผ่าตัดโอเพ่นจะมีแผลที่ฐานจมูก (ในบางรายอาจเกิดเป็นแผลเป็นโตนูนได้ เพราะโดยกรรมพันธุ์ของประชากรไทยมีโอกาสเกิดแผลเป็นหดรั้งได้มาก) ถ้าทำโดยแพทย์ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอาจเกิดการผิดรูปของจมูกอย่างรุนแรงได้ ซึ่งการแก้ไขให้ดี ปกติจะยากมากหรือในบางคนอาจไม่มีทางกลับเป็นปกติได้ ใช้ระยะเวลาพักฟื้นมากกว่า มีผลแทรกซ้อนจากหัตถการร่วมอื่นๆ เช่น มีลมรั่วหรือเลือดคั่งในเยื่อหุ้มปอดได้ จากกระดูกอ่อนซี่โครง หรือ มีผนังกั้นจมูกทรุดได้ หรือ เกิดการงอโค้งของกระดูกซี่โครง ซึ่งพบได้ค่อนข้างมากหลังการทำในระยะยาว
ข้อมูลโดย : หมอแม็คฟอร์จูน